Korea Spring in Korea Travel

วัดบอมนยูนซา (Beomnyunsa Temple)

ในช่วงเดือนเมษายนถึงพฤษภาคมของทุกปีจะเรียกว่าเป็นช่วงพีคอีกช่วงของเกาหลีก็คงจะไม่ผิด ถึงแม้ว่าซากุระจะร่วงโรยจากไปแล้วแต่อากาศที่เย็นกำลังสบาย ดอกไม้อื่นๆก็เริ่มบาน ลมก็พัดหอบฝุ่นเหลืองกลับจีนไปเกือบหมด จึงทำให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลมาเที่ยวกันอย่างเนืองแน่นไม่ขาดสายค่ะ

นอกเหนือไปกว่านั้น ช่วงเวลาดังกล่าวยังเป็นช่วงที่จะมีการจัดงานเฉลิมฉลองที่สำคัญทางศาสนางานหนึ่งของคนเกาหลี นั่นก็คืองานวันวิสาขบูชา หรือแปลตรงตัวตามภาษาเกาหลีคือ ‘วันที่พระพุทธเจ้าเสด็จมายังโลก’ (부처님 오신 날) ในปีนี้ตรงกับวันที่ 12 พฤษภาคม ที่ผ่านมาค่ะ หากใครเคยมาเที่ยวเกาหลีในช่วงวันวิสาขบูชานี้ก็จะเห็นว่าตามวัดและบริเวณใกล้เคียงถูกประดับประดาด้วยโคมหลากสีรูปทรงต่างๆละลานตาเต็มพื้นที่เพื่อความสวยงามและเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งปัญญาที่ส่องแสงสว่างให้กับเหล่าผู้คนบนโลก

ปีนี้เราได้มีโอกาสไปร่วมทำบุญและช่วยงานภายในวัดนอกเมืองแห่งหนึ่งไม่ไกลจากโซลเนื่องในโอกาสวันวิสาขบูชานี้แหละค่ะ วัดที่ว่านี้มีชื่อว่าวัดบอมนยูนซา (법륜사) อ่านว่า บอม-นยูน-ซา ซึ่งตั้งอยู่บนเชิงเขามุนซูซันในเมืองยงอิน เราเคยมาวัดนี้แล้วเมื่อสองปีก่อนซึ่งมาปีนี้ก็มีการพัฒนา มีร้านกาแฟสร้างใหม่ในบริเวณที่จอดรถ ร้านนี้แหละค่ะที่เราจะมาช่วยงานกันในวันนี้ และยังมีอาคารบ้านพักถูกสร้างใหม่ขึ้นเป็นบางส่วน บ่งบอกถึงความศรัทธาและแรงบริจาคของชาวพุทธเกาหลีในพื้นที่ (อาจจะนอกพื้นด้วย)

ความประทับใจแรกที่ได้รับเมื่อมาถึงคือความสวยงามของวัดที่ตั้งตระหง่านอยู่บนเชิงเขา คือวัดอยู่ห่างจากตัวเมืองลึกเข้ามาในดงขุนเขาขนาดว่าเรียกว่าวัดป่าแบบไทยๆก็คงไม่ผิดค่ะ แต่ค่ะ แต่ ผู้คนที่มาร่วมงานนั้นล้นหลามทำเอารถติดตั้งแต่ทางเข้ายาวไปสี่ห้ากิโลเมตรกันเลยทีเดียว

ในวันนี้ชาวพุทธเกาหลีก็พร้อมใจกันออกจากบ้านมาทำบุญไหว้พระกัน ทำให้นึกถึงบรรยากาศวันพระที่ไทยที่เราจะนำข้าวสวยและกับข้าวมากันคนละอย่างสองอย่างมาทำบุญเลี้ยงพระ เมื่อฟังเทศน์ฟังธรรมเสร็จใครใคร่จะอยู่ต่อทานข้าววัดร่วมกันหรือจะกลับบ้านเลยก็ได้ แต่ที่นี่ในงานสำคัญแบบนี้ที่วัดจะมีการแจกอาหารฟรีค่ะ ให้นั่งทานร่วมกันในจุดที่จัดไว้ได้บรรยากาศไปอีกแบบ เมนูที่ทำแจกคือซันแชบิบิมบับ ซึ่งจะต่างจากบิบิมบับในร้านอาหารทั่วไปตรงที่ในชามจะมีเพียงแค่ผักชนิดต่างๆเท่านั้นไม่มีไข่ไก่หรือเนื้อสับเหมือนบิบิมบับแบบปกติ มีขนมเป็นต๊อกใส่ถุงเล็กๆผูกไว้มาในชามข้าว และผลไม้เป็นเมนูปิดท้าย

ใครที่อิ่มท้องแล้วก็จะเริ่มเดินสายไปฟังเทศน์ฟังธรรมไหว้พระทำบุญ หรือร่วมกิจกรรมต่างๆที่ทางวัดจัดขึ้นเช่น มีการแสดงเต้นรำ ประกวดร้องเพลง เขียนคำอธิฐานไปติดโคม และอื่นๆอีกมากมาย ที่สำคัญที่นี่เค้ามีการสรงน้ำพระด้วยเหมือนกันค่ะ แต่มีความแตกต่างจากบ้านเราตรงที่พระพุทธรูปองค์เล็กที่ถูกนำมาประกอบพิธีจะเป็นองค์ยืนชูแขนขวาและชี้นิ้วชี้ขึ้นด้านบน และมีลักษณะอ่อนเยาว์ค่ะ

หลังจากช่วยงานที่ร้านกาแฟของวัดกันเสร็จเรียบร้อยเราก็ถือโอกาสเดินชมวัดกันซักหน่อย ซึ่งต้องยอมรับว่างดงามแต่มีจุดสวยๆให้ชมหลายจุด ทั้งชมวิวภูเขารอบๆวัดก็ดี ความสวยงามของพระอุโบสถ ลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ของหลังคาแบบฮันอกก็ดีค่ะ ดีไปหมดเสียจริงๆ ต้องขอขอบคุณคำเชิญชวนจากเพื่อนๆผู้ใจดี ที่ทำให้เรามีโอกาสได้มาสัมผัสกับประสบการณ์ดีดีแบบนี้

วีธีการเดินทาง
ซับเวย์ + บัส: ลงรถไฟฟ้าที่สถานี Staduim-Songdam College (สาย Everline) –> ออกมาทางออก 3 –> มาขึ้นรถบัสหมายเลข 16 ที่ป้าย Forbes Hospital –> ลงป้ายที่ 20 คือวัดบอมนยูนซา

ปล. รถบัสที่วิ่งผ่านวัดเป็นรถบัสประจำท้องถิ่นซึ่งจะใช้เวลานานกว่าจะมาถึงป้ายเพราะมีรถวิ่งตามเส้นทางไม่เยอะค่ะ ถ้าไม่อยากรอนานแนะนำให้เรียกแทกซี่จาก Forbes Hospital ไปวัดเลยจะสะดวกกว่ามาก ราคาค่าโดยสารประมาณ 15000วอน

p.s. โพสนี้เราเขียนด้วยใจไร้สปอนเซอร์สนับสนุน แต่อย่างไรก็ตามถ้าทุกคนซื้อสินค้าหรือจองบริการผ่านลิงค์โฆษณาที่โผล่ขึ้นมา เราจะได้ค่าตอบแทนเล็กๆน้อยๆเพื่อนำมาใช้พัฒนา Ploy’s Little Atlas บล็อกท่องเที่ยวเล็กๆของเรานี้ต่อไปค่ะ ขอบพระคุณผู้เข้าชมทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ //ไหว้ย่อ//

p.p.s รูปภาพทั้งหมดในโพสนี้เป็นของผู้เขียน (เว้นแต่จะระบุแหล่งที่มา) ไม่อนุญาตให้นำไปใช้ในทุกกรณี หากต้องการรีโพส กรุณาติดต่อผ่านโซเชี่ยลมีเดียได้ทุกช่องทาง