ถ้าพูดถึง ‘เกียวโต’ สิ่งที่จะผุดขึ้นในความคิดของใครหลายๆคนก็คงจะเป็นภาพความเป็นเหมืองหลวงเก่า วัดและศาลเจ้าญี่ปุ่นที่มีให้เห็นในทุกตรอกซอกซอยใช่มั้ยคะ
ไม่ว่าจะมาญี่ปุ่นอีกซักกี่ที เกียวโตก็ยังคงเป็นหนึ่งในสถานที่ที่หลายคนประกาศกร้าวว่าอยากจะกลับมาอีกให้ได้ นี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้พลอยตัดสินใจค้างคืนที่นี่ค่ะ แม้จะเป็นเวลาแค่แป๊ปเดียวก็ยังดี
Day 2 (2018-Dec-30) : Kyoto – Takayama
ตื่นมาในเช้าวันที่สอง เรามีเวลาแค่ช่วงเช้าที่จะเดินเล่นได้ในเกียวโต เพราะว่าเพิ่งจะจองรถไฟขึ้นไป Takayama ได้รอบประมาณเที่ยงๆค่ะ (วันแรกของการเดินทางติดตามได้ที่ ส่งท้ายปีที่ญี่ปุ่น: ปราสาทฮิเมจิ & โกเบ)
ถ้ามีเวลาแค่นี้ เถลไถลไปไหนไกลๆคงไม่ดี คงต้องเตร็ดเตร่อยู่แถวๆสถานีรถไฟเกียวโตนี่แหละน่าจะเซฟสุดค่ะ พอโจทย์ของเราเป็นแบบนี้ก็ทำได้แค่หาอะไรทำใกล้ๆสถานี
ตอนแรกก็กะว่าจะแค่เสิร์จหาร้านชาบรรยากาศดีดีนั่งจิบชาถ่ายรูปสโลไลฟ์ฆ่าเวลาไปค่ะ แต่ตอนที่กำลังสไลด์นิ้วสำรวจพื้นที่อยู่บน google map อยู่นั้น สายตาเราก็มาสะดุดกับพื้นที่สีเขียวผืนใหญ่ๆ ที่ห่างจากสถานีเกียวโตออกไปเพียงแค่สิบกว่านาทีด้วยการเดิน สถานที่นั้นก็คือวัด Higashi Honganji ค่ะ
วัดฮิกาชิฮอนกันจิ มีคนแปลเป็นภาษาไทยไว้ว่า ‘วัดตะวันออกแห่งคำสอนดั้งเดิม’ แค่ชื่อก็บอกเป็นนัยๆแล้วใช่มั้ยคะ ว่ามีวัดตะวันออกก็น่าจะมีวัดตะวันตก ถูกแล้วค่า เพราะว่าวัดฮิกาชิฮอนกันจินี้เป็นวัดพี่น้องกับวัดนิชิฮอนกันจิ (Nishi Honganji) ฮิกาชิ แปลว่าตะวันออก ส่วน นิชิ แปลว่าตะวันตก
เดินผ่านประตูทางเข้าเข้าไปไม่ต้องสังเกตก็จะเห็นอาคารอันใหญ่โตโออ่าอยู่สองอาคารค่ะ อาคารที่มีขนาดใหญ่กว่าคือห้องโถงโกเออิ (Goei-do) ไม่รู้จะบรรยายยังไงให้เห็นภาพความมโหฬารของอาคาร เอาเป็นว่านี่คืออาคารไม้ที่ใหญ่ที่สุดในเกียวโต และเป็นหนึ่งในอาคารไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่นึงค่ะ
สถานที่สวยงามใหญ่โตขนาดนี้แต่พลอยรู้สึกว่าวัดนี้จะถูกมองข้ามไปซักหน่อยค่ะ เมื่อเทียบกับสถานที่ดังๆอันอื่นที่คนนิยมไปกัน ค่าเข้าชมก็ไม่มี ขนาดเวลาที่ไปถึงเป็นเวลาสายๆเกือบเที่ยงแล้ว แต่ผู้คนที่ไปวัดนั้นหรอมแหรมมาก ไม่คึกคักแน่นขนัด ซึ่งให้ความรู้สึกเงียบสงบดีค่ะ ถ่ายรูปสะดวกสวยงามทุกมุม
ดื่มด่ำกับความสวยงามของวัดกันจนเกือบเลยเวลาที่จองรถไฟไว้ซะแล้วค่า จาก JR Kyoto Station นั่ง Tokaido-Sanyo ชินคันเซ็นไปประมาณครึ่งชั่วโมงและไปเปลี่ยนเป็น JR Hida line ที่สถานี Nagoya จากนั้นใช้เวลาเดินทางอีกประมาณสองชั่งโมงครึ่งก็ถึงสถานีทากายามะค่ะ
ตอนที่รถไฟเคลื่อนตัวมาใกล้ถึงสถานี วิวสองข้างทางของเมืองถูกปกคลุมไปด้วยหิมะหนากว่าที่เคยตกที่โซลหลายเท่าตัวค่ะ ขาวโพลนสวยมากๆ ขนาดว่าในเวลาที่พระอาทิตย์กำลังตกดินแบบนี้ก็ยังสวย
ถึงเวลาอาหารเย็น แน่นอนว่ามาเยือนถิ่นเนื้อฮิดะในตำนานที่ใครต่อใครเลื่องลือกันปากต่อปากว่าอร่อยเหาะ มีหรือที่เราจะพลาด แต่เราก็เกือบจะพลาดแล้วค่ะ ที่มาเอาช่วงวันหยุดยาวของญี่ปุ่นเค้าเหมือนกัน ร้านรวงปิดหมด รถบนถนนก็ไม่มี ฮือออ เมืองงี้เงียบฉี่ แต่เราก็ยังมีความหวัง เดินเตร็ดเตร่มันต่อไป จนกระทั่ง… มีประตูหนึ่งเปิดแง้มอยู่ แพคเกจเนื้อวางเรียงราย กลิ่นยากินิกุหอมโชยมาจากชั้นบนของร้าน เย่ รอดแล้วมื้อนี้ และแล้วเท้าเราก็เดินก้าวเข้าไปในร้าน Takumiya ที่เปิดท้าไม่แคร์สื่อว่าร้านอื่นนั้นเค้าปิดหนีไปเที่ยวกันไหนก็ไหนแล้ว ขอบคุณค่ะที่เปิด
เนื้อฮิดะแม้ว่าไม่ดังระดับโลกอย่างเนื้อวากิวของโกเบ แต่สำหรับความดังภายในประเทศนับว่าไม่เป็นสองรองใคร ขนาดเราไม่ใช่สายกินเนื้อจ๋ายังขอคาราวะให้กับความอร่อยนุ่มละลายในปาก(จริงๆ)ของที่นี่ ขนาดที่ว่าเนื้อโกเบที่กินมาเมื่อวานนี่ตกกระป๋องไปเลย เค้าว่ากันว่าที่เนื้อฮิดะรสชาติสุดจะบรรยายขนาดนี้ความลับอยู่ที่น้ำแร่ธรรมชาติของจังหวัดจิฟู (Gifu Prefecture) ที่วัวดื่มนี่แหละที่ทำให้วัวมีสุขภาพดีเนื้อนุ่มอร่อยค่ะ
Web รีวิวร้าน Takumiya จาก Tabelog https://s.tabelog.com/en/gifu/A2104/A210401/21006540/
เคลิบเคลิ้มกับมื้อเย็นสุดอร่อยไปแล้วขอกลับไปแช่ออนเซ็นให้ลืมเหนื่อยกันซักหน่อย ต้องขอบคุณเว็ป Agoda ที่มีโปรโมชั่นลด 60 กว่าเปอร์เซ็นต์ให้กับ Takayama Ouan ค่ะ ทำให้การมาเที่ยวที่ทากายามะของเราสมบูรณ์แบบ และขอเก็บไว้ในลิสท์ว่าเป็นสถานที่อีกหนึ่งที่ที่ถ้ามีโอกาสจะขอกลับมาเยี่ยมอีกแน่นอนค่ะ (ขอเที่ยวแบบเมืองไม่ร้าง ร้านค้าไม่ปิด มีตลาดพื้นเมืองให้ชมจั๊กน้อยนึงเด้อค่า)
ติดตามทริปวันที่สามได้ใน ส่งท้ายปีที่ญี่ปุ่น : ชิราคาวาโก (Shirakawa-go)
โพสนี้เราเขียนด้วยใจไร้สปอนเซอร์สนับสนุน แต่อย่างไรก็ตามถ้าทุกคนซื้อสินค้าหรือจองบริการผ่านลิงค์โฆษณาที่โผล่ขึ้นมา เราจะได้ค่าตอบแทนเล็กๆน้อยๆเพื่อนำมาใช้พัฒนา Ploy’s Little Atlas บล็อกท่องเที่ยวเล็กๆของเรานี้ต่อไปค่ะ ขอบพระคุณผู้เข้าชมทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ //ไหว้ย่อ//