ถ้าเขียนนิยายอยู่ก็อยากจะตั้งชื่อตอนตอนนี้ว่า ‘ญี่ปุ่นหน้าหนาว กับหิมะขาวๆที่ฮาโกดาเตะ’ ให้หิมะเป็นนางเอกและอ่าวฮาโกดาเตะเป็นพระเอกกำลังเกี้ยวกันอยู่ 555 หากกระหายจะสัมผัสอากาศหนาวๆเย็นๆ พร้อมกับเล่นหิมะขาวๆนุ่มๆนั้น ที่ที่จะไม่ทำให้ผิดหวังก็คงจะเป็นที่ไหนไม่ได้ถ้าไม่ใช่ที่เกาะฮอกไกโดที่อยู่ตอนบนเหนือสุดของประเทศญี่ปุ่น ที่แรกที่เราหยุดเที่ยวหลังจากขึ้นมาถึงเกาะฮอกไกโดก็คือ เมืองฮาโกดาเตะ นี่แหละค่ะ
Day 6 (2019-Jan-03) : Hakodate
เราเลือกที่จะเดินทางโดย Hayabusa ฮอกไกโดชินกันเซ็นค่ะ เพราะเส้นทางนี้รวมอยู่ใน JR pass แล้ว ซึ่งสะดวกมากสำหรับคนที่เดินทางตั้งต้นจากโตเกียวหรือเซนได ขึ้นไปยังเกาะฮอกไกโด รวดเร็ว ใช้เวลาประมาณสามชั่วโมงจากสถานีเซนได (Sendai station) ไปยังสถานีชิน-ฮาโกดาเตะ-โฮคุโตะ (Shin-Hakodate-Hokuto) แถมยังได้ตื่นเต้นเพราะจะได้ลอดอุโมงค์ใต้ทะเลเซอิคัง (Seikan tunnel) ที่เชื่อมระหว่างญี่ปุ่นแผ่นดินใหญ่กับเกาะฮอกไกโดอีกด้วยค่ะ (ถึงแม้จะไม่ได้เห็นวิวอะไรเลยก็เถอะ 555)
มาถึงสถานีฮาโกดาเตะตอนดึกๆของคืนวันที่ 2 มกราคม 2562 ที่พักของเราในคืนนี้คือ Hotel Paco Hakodate ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีไปเพียงสิบนาที ซึ่งก็ไม่ไกลค่ะ ถ้าหิมะไม่ตกและถนนไม่ได้ลื่นและเต็มไปด้วยน้ำแข็ง เดินไปแป๊บเดียวก็ถึง
รีวิวโรงแรม Paco Hakodate
เราจองห้องพักของโรงแรมผ่าน Japanican ได้ราคาห้องคืนละ 12,000เยน ห้องไม่กว้างมากแต่ก็ไม่เล็กสะดวก สะอาดใช้ได้ค่ะ ที่นี่มีบริการออนเซ็น (Onsen) สาธารณะอินดอร์สำหรับลูกค้าของโรงแรม เสียดายไม่ได้ลองใช้เพราะถึงห้องแล้วสลบเหมือดจากการลากกระเป๋าฝ่าหิมะมาแบบหมดแรง ที่ประทับใจมากๆเห็นจะเป็นบุฟเฟต์อาหารเช้าของโรงแรมค่ะ มีให้เลือกทานแบบหลากหลายตั้งแต่สลัดบาร์ ปลาย่าง มุม seafood rice bowl ขนมหวาน แต่ที่พลอยชอบมากๆเห็นจะเป็น coffee corner ค่ะ ครัวซองท์และขนมปังกระเทียมอร่อยมากๆถูกวางเตรียมไว้พร้อมกับน้ำผึ้งและเนยฮอกไกโดอันโด่งดัง กินเพลินเกือบลืมเวลาเช็คเอาท์กันไปเลยค่ะ
เราเชคเอาท์ออกในเวลาสายๆ ขนเอาสัมภาระไปเก็บไว้ที่สถานีรถไฟก่อนออกเดินเที่ยวกันในบริเวณอ่าวฮาโกดาเตะค่ะ มีทิปเล็กๆอยากจะโน้ตไว้ว่าสถานีฮาโกดาเตะนั้นเล็กมากมี coin locker ไว้บริการค่อนข้างจำกัดค่ะ เราเลยนำกระเป๋าไปฝากไว้ที่ post office ที่อยู่บนขั้นสองของสถานีใกล้ๆกับโซน coin locker นั่นแหละค่ะ ซึ่งเค้ารับฝากชิ้นละ 800เยน แพงกว่าล็อคเกอร์ตู้ใหญ่นิดหน่อย (ตู้ใหญ่สุดราคา 700เยน) ถ้าใครโอเคจะเดินอีกนิดนึงไปแถวๆ Morning Fish Market จะมีล็อคเกอร์ไว้บริการอีกเยอะเลยค่ะ
ฝากกระเป๋าเสร็จแล้วตัวลอยพร้
Morning Fish Market
ที่แรกที่ต้องเดินผ่าน ก็คือตลาดปลายามเช้านี่แหละค่ะ ตอนแรกก็ตื่นตาตื่นใจดู
Hakodate Bay Area
เดินลัดเลาะออกจากตลาดปลาหันหน้
Kanemori Red Brick Warehouse
ที่อยู่ติดเลยมาจากตลาดเช้าก็คือแวร์เฮาส์อิฐแดงกาเนโมริค่ะ ที่นี่ถือเป็นสัญลักษณ์ของท่าเรือฮาโกดาเตะนี้เลยค่ะ ไม่น่าเชื่อว่าคลังเก็บสินค้าที่ถูกใช้ตั้งแต่ท่าเรือถูกเปิดตั้งแต่ปี คศ 1859 จนตอนนี้ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นที่ช็อปปิ้ง จะกลายมาเป็นหนึ่งในสถานที่แนะนำสำหรับคนที่มาฮาโกดาเตะ สภาพที่ยังสมบูรณ์ของอาคารบ่งบอกถึงการดูแลเอาใจใส่ของคนที่นี่ได้ดีมากๆค่ะ
Gokoku Shrine
ออกจากแวร์เฮาส์อิฐแดงมาตั้งใจจะเดินไปที่เนินโมโตมาชิ (Motomachi Slope) แต่หาไม่เจอค่ะ 555 ชะตาต้องให้เราเดินมาจนถึงศาลเจ้าโกโคคุที่ตั้งตระหง่านอยู่บนตีนเขาฮาโกดาเตะใกล้ๆกับ Ropeway สามารถชมวิวท่าเรือได้จากบนนี้ด้วยค่ะ มาถึงแล้วก็ไหว้พระขอพร เสี่ยงเซียมซี ซื้อเครื่องรางกลับไปเพื่อความสิริมงคลกันซักหน่อยค่ะ หมดหนึ่งวันไปแบบอิ่มเอมๆ
สรุป: ฮาโกดาเตะเป็นเมืองท่าเล็กๆสงบๆ หลายคนบอกว่าหนึ่งวันก็พอแล้วสำหรับการเที่ยวเมืองนี้ แต่สำหรับเราหนึ่งวันเราได้แค่แถบท่าเรือค่ะ 555 แถมยังไปไม่หมดด้วย เอาเป็นว่าซักสองวันน่าจะกำลังดี ไว้คราวหน้าจะกลับมาเก็บให้หมดนะฮาโกดาเตะ…
Places Mentioned in This Post
p.s. โพสนี้เราเขียนด้วยใจไร้สปอนเซอร์สนับสนุน แต่อย่างไรก็ตามถ้าทุกคนซื้อสินค้าหรือจองบริการผ่านลิงค์โฆษณาที่โผล่ขึ้นมา เราจะได้ค่าตอบแทนเล็กๆน้อยๆเพื่อนำมาใช้พัฒนา Ploy’s Little Atlas บล็อกท่องเที่ยวเล็กๆของเรานี้ต่อไปค่ะ ขอบพระคุณผู้เข้าชมทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ //ไหว้ย่อ//
p.p.s รูปภาพทั้งหมดในโพสนี้เป็นของผู้เขียน (เว้นแต่จะระบุแหล่งที่มา) ไม่อนุญาตให้นำไปใช้ในทุกกรณี หากต้องการรีโพส กรุณาติดต่อผ่านโซเชี่ยลมีเดียได้ทุกช่องทาง