ในช่วงสิ้นปีก็จะมีช่วงที่ได้หยุดกับเค้าอยู่บ้าง แต่กว่าจะรู้สึกตัวก็ช้าไป โถวว ทำไมตั๋วกลับไทยมันแพงหูฉี่ขนาดเน้
ไม่ได้กลับบ้านแล้วทำไร ขอไปญี่ปุ่นอีกซักทีละกันนะคะ ตั๋วก็ไม่แพงเท่ากลับไทย (ก็แหงล่ะสิใกล้แค่นี้) เดินทางไปจากโซลก็ไม่นาน (ก็แหงล่ะสิใกล้แค่นี้) ปะๆ อย่าคิดมาก ผ่างงงง
วาร์ปมาลงสนามบินนานาชาติคันไซ (KIX) ด้วยสายการบิน Peach ในตอนบ่ายๆชิวๆหนาวๆของวันเสาร์ที่ 29 ธันวาคม 2561 ใช่ค่ะ พลอยเริ่มต้นทริปส่งท้ายปีที่คันไซ
ครั้งนี้เดินทางด้วย JR Pass ที่ซื้อมาแบบเจ็ดวัน แต่มาแปดวัน วันสุดท้ายค่อยไปตายเอาดาบหน้า 555
Day 1 (2018-Dec-29) : Himeji Castle – Kobe – Kyoto
แพลนไว้ว่าวันแรกจะไปดูนุ้งกวางที่นารางี้ ไปชมวัดสวยๆที่เกียวโตงี้ พอมี JR pass ปุ๊บ ไม่ค่ะ! ใกล้ๆไม่ เดี๋ยวไม่คุ้ม เลยพุ่งทะยานไปโน่นนน ไปปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) กัน
เอาสัมภาระไปทุ่มทิ้งไว้ที่สถานี Shin-Osaka ก่อนค่ะเดี๋ยวค่อยกลับมาเอาเพราะคืนนี้เราจะพักกันที่เกียวโต จาก Shin-Osaka station ขึ้น Tokaido-Sanyo Shinkansen ไปลง Himeji station ใช้เวลาเพียง 49 นาทีเท่านั้น ไม่วาร์ปแล้วจะให้เรียกไร๊
แม้จะมาถึงไว แต่พระสุรีย์สดใสนั้นไม่คอยเรา พระอาทิตย์ตกตั้งแต่สี่โมงเย็น วิ่งดิเอ๋ วิ่งงง ถึงตัวปราสาทก็แทบมืดแล้ว เพลงแสงสุดท้ายของพี่ตูนบรรเลงขึ้นมาในหัว
ยอมรับว่าเสียเวลาไปสองสามนาทีหน้ากำแพงเพราะยืนตื่นตะลึงกับความกว้างขวางใหญ่โตมโหฬารของสถานที่ค่ะ ตัวปราสาทสีขาวสะอาดสวยงามมาก ถ่ายรูปสวยมาก คนก็แทบจะไม่มี เพราะตอนนั้นเค้าปิดไม่ให้เข้าไปข้างในตัวปราสาทจนถึงหลังปีใหม่ (เริ่มมืดแล้วด้วย) ไม่เป็นไรแค่ทิวทัศน์จากด้านนอกก็ประทับใจมิรู้ลืมแล้วค่ะ
ถ่ายๆๆไปจนฟ้ามืดสนิท ไฟจากสปอตไลท์ถูกฉายไปยังปราสาท ไม่เหลือคนในรั้วกำแพงอีกต่อไป อากาศจู่ๆก็เย็นวาบ ตัวเริ่มสั่นเทิ้ม มืดตึดตื๋อนึกว่าสองทุ่ม ป่าวเลยเพิ่งห้าโมงเย็น ไปหาข้าวกินกันดีกว่า
ขากลับต้องผ่านโกเบ (Kobe) เราก็ไม่ลืมที่จะแวะไปลิ้มลองของดีของขึ้นชื่อคือ เนื้อโกเบ ระหว่างทางก่อนถึงโกเบก็จิ้มๆๆดูรีวิวโน่นนี่นั่นได้มาร้านนึง (จาก tabelog) คือร้าน Kobe Tanryu Uhigashi Monten อยู่ห่างจากสถานี Sannomiya ประมาณสิบนาที
Homepage: http://www.koubegyuu.com/shop/tanryu-higashi/
ถึงร้านแล้วก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง สั่ง Yakiniku (เนื้อย่างสไตล์ญี่ปุ่น) มาหนึ่งเซท และซูชิหน้าเนื้อที่มีในเมนูมาอย่างละอัน ขอบอกว่าเยอะมากกกค่ะ สั่งตอนหิวๆก็จะเป็นแบบนี้ ลำบากตอนอิ่มแล้วนี่แหละ
เซทที่เราสั่งมาจะมีเนื้อมาเสิร์ฟทีละแบบ เริ่มด้วยลิ้นวัวก่อน นี่คือเนื้อส่วนที่เราประทับใจสุด หอมๆกรุบๆอร่อยมาก จากนั้นเนื้อส่วนอื่นๆและเครื่องในก็ตามมาตามลำดับ ตามด้วยซูชิ และของหวานคือ เนง-มยอน หมี่เย็นเกาหลี (ยังจะตามมาหลอกหลอน) แต่หน้าตาและรสชาติไม่เหมือนกับที่เกาหลีซะทีเดียว มาแบบด้วยเล็กๆ และตบท้ายด้วยไอศครีมหอมหวานอร่อย ค่าเสียหายตกคนละ 5000เยน รวม Vat
จบทริปวันแรกแบบอิ่มๆอร่อยๆ ตัวเบาก่อนกลับไปนอนที่เกียวโตค่าา
ติดตามทริปวันที่สองได้ใน ส่งท้ายปีที่ญี่ปุ่น: จากเกียวโตถึงทากายามะ
โพสนี้เราเขียนด้วยใจไร้สปอนเซอร์สนับสนุน แต่อย่างไรก็ตามถ้าทุกคนซื้อสินค้าหรือจองบริการผ่านลิงค์โฆษณาที่โผล่ขึ้นมา เราจะได้ค่าตอบแทนเล็กๆน้อยๆเพื่อนำมาใช้พัฒนา Ploy’s Little Atlas บล็อกท่องเที่ยวเล็กๆของเรานี้ต่อไปค่ะ ขอบพระคุณผู้เข้าชมทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ //ไหว้ย่อ//