ในการวางแผนการเดินทางมาเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงหน้าหนาวนั้น หนึ่งในสถานที่ที่ถูกแนะนำว่าควรจะมาสัมผัสซักครั้งโดยเฉพาะเวลามีหิมะนั่นก็คือหมู่บ้านสุนัขจิ้งจอกแห่งซาโอะค่ะ ที่นี่ได้รับการรีวิวเยอะแยะทั้งจากนักท่องเที่ยวชาวไทยเองและจากชาวต่างชาติ ส่วนใหญ่ก็จะประทับใจในความน่ารักของเจ้าสุนัขจิ้งจอกขนฟูฟ่องๆ บางส่วนโดยเฉพาะฝรั่งแถบฝั่งตะวันตกจะไม่ค่อยปลื้มกับการจัดการของสถานที่ซักเท่าไหร่ แต่ก่อนจะปักใจเชื่อคำใคร หากมีโอกาสก็ขอไปดูด้วยตาตัวเองก่อนน่าจะดีกว่าค่ะ
Day 5 (2019-Jan-02) – Sendai
การเดินทางที่สะดวกที่สุดจากโตเกียวคือนั่งรถไฟไปลงสถานีชิโรอิชิ(Shiroishi Station)ค่ะ จากนั้นจะไปยังหมู่บ้านโดยรถบัส Castle Kun ก็ได้ หรือจะนั่งแทกซี่ไปก็เร็วดีค่ะ ถ้ารถบัสก็จะราคาถูกประมาณ 200เยน แต่ต้องเช็ครอบและวันเวลาให้ดีดีค่ะ ถ้าไปโดยแทกซี่ก็จะตกประมาณ 4000เยน ใช้เวลาการเดินทางประมาณยี่สิบนาที ซึ่งพลอยก็ไปโดยแทกซี่นี่แหละค่ะเพราะว่ารถบัสไม่วิ่งช่วงวันหยุดปีใหม่
ทิปเล็กๆ: จากสถานี (ไม่ว่าจะ Shiroishi หรือ Sendai) จะมีนักท่องเที่ยวที่ตั้งใจจะมาที่หมู่บ้านจิ้งจอกนี้ค่อยข้างเยอะ ให้ลองถามเค้าดูค่ะว่าจะไปทางเดียวกันมั้ยจะได้แชร์ค่ารถกันประหยัดๆ ซึ่งส่วนใหญ่เค้าก็จะยินดีค่ะ
ข้อมูลเพิ่มเติม: http://zao-fox-village.com/en
มาถึงหมู่บ้านหลังจากเสียค่าเข้าไปตามระเบียบ 1000เยน เค้าจะมีกฏต่างๆมาให้เราอ่านค่ะ ส่วนใหญ่ก็ห้ามโน่นห้ามนี่ระหว่างเดินชม ซึ่งควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดค่ะขอบอกเลย มีข้อนึงจำได้แม่นบอกว่าไม่ควรสวมเครื่องประดับหรือสิ่งของที่มีลักษณะแวววาววับๆแวบๆ และควรเก็บของทุกสิ่งอย่างให้เป็นระเบียบไม่ให้ห้อยระโยงระยางแกว่งไปแกว่งมา เพราะมันจะถึงดูดเจ้าสุนัขจิ้งจอก ทำความเข้าใจกับกฏเกณฑ์ต่างๆเสร็จก็ไปค่ะ ไปเดินสำรวจกัน
พอเดินเข้าจุดเดินชมจะถูกแบ่งเป็นสองโซนใหญ่ๆด้วยกัน โซนแรกจะแคบๆมีกรงเล็กๆสำหรับทั้งสุนัขจิ้งจอกและสัตว์เล็กๆอื่นๆเช่นแพะกับกระต่าย และก็เป็นที่ทำกิจกรรมสำหรับคนที่สนใจอยากอุ้มจิ้งจอก เราจ่ายเพิ่มไป 600เยน ได้อุ้มจิ้งจอกดำไปตัวนึงค่ะ
โซนถัดมาเป็นโซนเปิดกว้าง จะมีจิ้งจอกหลากหลายสี ส่วนใหญ่ที่เห็นจะเป็นจิ้งจอกแดง(สีส้มๆ)มีมากที่สุดเดินไปเดินมา บ้างนอน บ้างกัดกัน อยู่ในอาณาบริเวณที่ถูกรั้วกั้นไว้ ความรู้สึกแรกที่เข้าไปก็บอกตรงๆว่าก็ประทับใจนะคะ หมาจิ้งจอกขนฟูๆเดินไปเดินมาท่ามกลางหิมะน่ารักดี แต่อีกความรู้สึกนึงก็แอบสงสารเวลาเห็นมันกัดกัน กัดจริงจังแบบเลือดสาดหน้าเหวอะสดๆตรงนั้นเลยค่ะ (กัดกันเองนะคะ ไม่กัดคน เค้าค่อนข้างกลัวคน) เราว่าเพราะสัญชาติญาณแล้วมันจะไม่อยู่รวมกันเยอะขนาดนี้ สุนัขจิ้งจอกค่อนข้างเป็นสัตว์สันโดษ หาอาหารกินเองแบบเดี่ยวๆมากกว่า พอต้องมาอยู่ในพื้นที่ที่ค่อนข้างจำกัดกับตัวอื่นๆเยอะๆเลยต้องไฟท์กัน
มีโซนให้อาหารค่ะ ถุงละ 100เยน แต่ว่าไม่ได้ให้ค่ะเพราะมันจะแย่งกัน กัดกันอีกละ เลยเดินผ่านไป ซักพักก็มีนุ้งจิ้งจอกแดงตัวนึง เราสังเกตมาซักพักละว่าด้อมๆมองๆพี่อยู่นานละ เดินตะล่อมๆเข้ามาหา เราก็จินตนาการว่าแอร๊ยยยนุ้งมาหา ป่าวค่ะ มันเดินมากระตุกเชือกรองเท้า น่าจะอยากขโมยรองเท้าเพราะมันเงาๆนิดหน่อย เชือกรองเท้าก็ห้อยต่องแต่งน่าจะดึงดูด โถถ ไอ้เราก็นึกว่าพิสวาท แอบตื่นเต้นตกใจเล็กน้อย 555 เห็นมั้ยคะว่าทำไมต้องมีกฏ
เราใช้เวลาไปทั้งหมดกับสถานที่ประมาณสองชั่วโมงค่ะ เพราะว่ามาล่วงหน้าหนาว วันนั้นมีลมแรง ต้องแอบเดินเข้าไปหลบลมอยู่เป็นพักๆ ถ่ายรูปสวยด้วยค่ะเพราะหิมะหนาขาวไปหมดก็เลยกินเวลาไปนาน รวมๆแล้วก็โอเคค่ะสำหรับคนชอบเที่ยวชมสัตว์ต่างๆ
ปล. ถ้ามาที่นี่ก่อนเข้าย้ำว่าอย่าลืมผูกเชือกรองเท้าเก็บให้เรียบร้อยละคะ มิฉะนั้นจะโดนเหมือนเรา 555
ติดตามทริปวันที่หกได้ใน ส่งท้ายปีที่ญี่ปุ่น : ฮาโกดาเตะ (HAKODATE)
p.s. โพสนี้เราเขียนด้วยใจไร้สปอนเซอร์สนับสนุน แต่อย่างไรก็ตามถ้าทุกคนซื้อสินค้าหรือจองบริการผ่านลิงค์โฆษณาที่โผล่ขึ้นมา เราจะได้ค่าตอบแทนเล็กๆน้อยๆเพื่อนำมาใช้พัฒนา Ploy’s Little Atlas บล็อกท่องเที่ยวเล็กๆของเรานี้ต่อไปค่ะ ขอบพระคุณผู้เข้าชมทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ //ไหว้ย่อ//
p.p.s รูปภาพทั้งหมดในโพสนี้เป็นของผู้เขียน (เว้นแต่จะระบุแหล่งที่มา) ไม่อนุญาตให้นำไปใช้ในทุกกรณี หากต้องการรีโพส กรุณาติดต่อผ่านโซเชี่ยลมีเดียได้ทุกช่องทาง